เป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำตาปีที่มีลักษณะเป็นสะพานเหล็กทรงโค้ง ซึ่งชาวบ้านมักจะเรียกว่า สะพานโค้ง ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2453 และเปิดใช้งานครั้งแรกในปี พ.ศ.2459 ในช่วงที่เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา สะพานแห่งนี้ได้ถูกระเบิดทำลายจนไม่สามารถใช้การได้ ในปี พ.ศ.2486 หลังจากสงครามสงบลง รัฐบาลได้ดำเนินการซ่อมแซมและเปลี่ยนรูปแบบจากสะพานเหล็กโค้งเป็นสะพานเหล็กแท่งเหลี่ยม ซึ่งใช้เวลาดำเนินการรวม 6 ปี และเปิดใช้งานเพื่อให้รถไฟสามารถแล่นผ่านได้อีกครั้งในปี พ.ศ.2496 สะพานจุลจอมเกล้าในปัจจุบัน กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งหรือจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวและช่างภาพที่ต้องการถ่ายภาพในบรรยากาศย้อนยุค และบรรยากาศร่วมสมัย ด้วยการถ่ายภาพกับขบวนรถไฟที่กำลังแล่นผ่านสะพานแห่งนี้ เวลาที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพ มีอยู่ 2 ช่วงเวลาคือ ช่วงเช้าระหว่างเวลา 06.00-08.00 น. และช่วงเย็น ระหว่างเวลา 17.30 - 19.00 น.

31/12/64 มาดูพลุไฟฉลองวันปีใหม่ บรรยากาศดี มีติดไฟประดับสวยงาม พลุเป็นของชาวบ้านทั่วไปที่ซื้อมาจุดเองไม่ได้เป็นของทางเทศบาล แต่ก็มีให้ดูเยอะและสวยงามมาก >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> 31/12/64 Let's have a look at the fireworks to celebrate the New Year's Day, the atmosphere is good, the lights are beautiful. The fireworks are for ordinary people who buy fireworks for their own use, not the municipality, but there is a lot to see and it's very beautiful.

สะพานจุลจอมเกล้าเป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำตาปี ตั้งอยู่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างสถานีชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ - สุราษฏร์ธานี บรรยากาศดีมาก เป็นที่ท่องเที่ยวถ่ายรูปถ่ายภาพ

ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆในประเทศไทย มีรางรถไฟ อาจจะช่วงกลางวันแดดดีมากๆ chulachomklao bridge

You will need to disobey, no left turn. Yet, it's no concern!! Great views of the river and civilization on it's banks. Train tracks share the bridge, it will make your head turn

Good place for taking photos.

I love truss bridge

ถ้าอยากให้เห็นแสงสีทองข้างหลัง แนะนำให้ไปถ่ายตอน 6 โมงเย็น แต่ถ้าอยากให้เห็นหัวจักรรถไฟด้วย สามารถเช็กตารางเดินรถไฟจากแอ้พได้เลย อาจจะต้องรอจังหวะสักหน่อย

Was lucky to catch a train crossing this bridge not long after I arrived.

Went over on a train in the dark, it was long and there was a lot of clackety clack